วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ตามรอย เมืองเก่า เทศบาลนครภูเก็ต

คนนครภูเก็ต มีสวัสดิการถ้วนหน้า ร่วมพัฒนาสภาองค์กรชุมชน
บนความหลากหลายของวัฒนธรรมประเพณี ภายใต้การบริหารจัดการที่ดี
โดย สภาองค์กรชุมชน เทศบาลนครภูเก็ต

ภูเก็ตเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานอีกเมืองหนึ่งของไทย โดยหนึ่งในรอยอดีตอันรุ่งเรืองของภูเก็ตคือตึกเก่าแบบชิโน-โปรตุกีสที่ถูกสร้างขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2446 เพราะเป็นเมืองท่าสำคัญทางฝั่งตะวันตกของแหลมมลายู ซึ่งมีชาวจีนเข้ามาค้าขายกันมาก และต่อมาชาติตะวันตกได้เดินทางมาค้าขายและแสวงหาอาณานิคมและได้นำรูปแบบศิลปวัฒนธรรมศาสนาเข้ามาเผยแพร่ สถาปัตยกรรมจึงมีลักษณะ ผสมผสานกันระหว่างศิลปะตะวันตกและศิลปะตะวันออก เรียกว่า อาคารแบบโคโลเนียล จากนั้นก็ส่งอิทธิพลไป ตามเมืองท่าต่างๆอย่างสิงคโปร์ และปีนังซึ่งมีสายสัมพันธ์โดยตรงกับภูเก็ต เทศบาลนครภูเก็ตเป็นศูนย์กลางความเจริญและการปกครองของจังหวัดภูเก็ตตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันโดย ได้รับการยกฐานะจากสุขาภิบาลเมืองภูเก็ตเป็น เทศบาลเมือง ภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2478 และได้เปลี่ยนแปลงฐานะเป็นเทศบาลนครภูเก็ต เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2547 มีพื้นที่ 12 ตารางกิโลเมตร มีพื้นที่รับผิดชอบ 2 ตำบล คือ ตำบลตลาดเหนือและตำบลตลาดใหญ่ ประกอบด้วยชุมชน 21 ชุมชน

จากประวัติศาสตร์ไทย ภูเก็ตเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรตามพรลิงก์ ต่อมาจนถึงสมัยอาณาจักรศิริธรรมนคร เรียกเกาะภูเก็ตว่า เมืองตะกั่วถลางเป็นเมืองที่ 11 ใน 12 เมืองนักษัตรโดยใช้ตราเป็นรูปสุนัข
จนถึงสมัยสุโขทัย เมืองถลางไปขึ้นกับเมืองตะกั่วป่า ในสมัยอยุธยา ชาวฮอลันดามาสร้างสถานที่เก็บสินค้าเพื่อรับซื้อแร่ดีบุกจากเมืองภูเก็ต
เมืองภูเก็ตเป็นชื่อที่ทุกคนเพิ่งรู้จัก ในสมัยกรุงธนบุรีเจ้าเมืองภูเก็ตคนแรก คือ เมืองภูเก็จ (เทียน) เพราะก่อนหน้านี้นั้น เมืองภูเก็ตรู้จักในนามเมืองถลาง ซึ่งเป็นเมืองที่อุดมไปด้วยแร่ดีบุก เกาะภูเก็ตในสมัยกรุงธนบุรีในระยะแรกนั้น คงจะเป็นชุมชนขนาดเล็กอยู่กันเป็นกลุ่ม ๆ ทำมาหากินด้วยการค้าแร่ดีบุก ทำนา ทำไร่ ขึ้นอยู่กับเมืองถลาง ต่อมา เจ้าเมืองภูเก็จ (เทียน) ได้รับการเลื่อนยศเป็น พระยาทุกรราช (เทียน) เจ้าเมืองภูเก็ต  ในปี พ.ศ.2332 พระยาทุกรราช (เทียน) ได้เป็นพระยาถลาง ทำให้ตำแหน่งเจ้าเมืองภูเก็ตว่างลง
เมื่อพระยาถลาง (เจิม) ได้เป็นเจ้าเมือง ก็พยายามจะฟื้นฟูเมืองถลางขึ้นมาใหม่ ด้วยเล็งเห็นผลประโยชน์มหาศาลคือ แร่ดีบุกที่เมืองภูเก็ต จึงสนับสนุนให้ลูกชายชื่อ แก้ว ได้เป็นเจ้าเมืองภูเก็ต และต่อมาได้รับบรรดาศักดิ์เป็น พระภูเก็ตโลหะเกษตรารักษ์ (แก้ว)พระภูเก็ตโลหะเกษตรารักษ์ (แก้ว) ตั้งที่ทำการอยู่ที่กะทู้ (บริเวณบ้านเก็ตโฮ่ ในปัจจุบัน) ทำกิจการขุดแร่ดีบุกจนสร้างความร่ำรวยอย่างมหาศาล บริเวณนี้มีลำคลองไหลผ่าน คือคลองบางใหญ่ ลำคลองสายนี้ในอดีตเรือกำปั่นสามารถแล่นเข้า-ออกรับส่งสินค้าดีบุกได้อย่างสะดวก พระภูเก็ตโลหะเกษตรารักษ์ (แก้ว) มีบุตรชายชื่อ ทัต รับราชการฝ่ายมหาดไทย มีบรรดาศักดิ์เป็น หลวงพิทักษ์ทวีป ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ได้เป็นพระภูเก็ตโลหะเกษตรารักษ์ (ทัต) ในสมัยรัชกาลที่ 4 และได้เป็นพระยาวิชิตสงคราม (ทัต) 
ในสมัยรัชกาลที่ 5 กิจการเหมืองแร่ดีบุกได้ขยายพื้นที่ทำเหมืองแร่ดีบุกมาตามลำน้ำคลองบางใหญ่ ผ่านหมู่บ้านสามกองเข้าสู่บ้านทุ่งคา และย้ายที่ทำการเมืองภูเก็ตมาที่ทุ่งคา ความเจริญได้ย้ายมาสู่บ้านทุ่งคาตั้งแต่บัดนั้นสืบมา  http://phuket99.blogspot.com/
จากที่อดีตพื้นที่เทศบาลนครภูเก็ตเป็นแหล่งการค้าที่มีความเจริญรุ่งเรืองและทันสมัยอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงที่เหมืองแร่ดีบุกรุ่งเรือง เนื่องจากการทำเหมืองแร่ที่เติบโตทำให้ชาวจีนและชาวตะวันตกต่างหลั่งไหลเข้ามาที่เมืองภูเก็ตเป็นจำนวนมาก สิ่งที่สะดุดตาที่สุดในเขตเทศบาลนครภูเก็ตก็คือตึกเก่าที่ตั้งตระหง่านอยู่ในย่านการค้าเก่าเเก่ของเมือง เป็น อาคารสไตล์ "ชิโนโปรตุกีส" ที่ผสมผสานเอาความเป็นศิลปะตะวันตกและตะวันออกเข้าไว้ด้วยกันอย่าง กลมกลืน จนเป็นเอกลักษณ์ ที่โดดเด่นของเมืองภูเก็ต ตึกเก่าเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วตัวเมืองภูเก็ตซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถเดินชมได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารพื้นเมืองอร่อยมากมายหลากหลายสามารถเลือกซื้อได้อย่างเพลิดเพลิน ซึ่งชุมชนและหน่วยงานต่าง ๆ ในภูเก็ตได้ทำการอนุรักษ์รูปแบบสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีสนี้ไว้เพื่อให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการท่องเที่ยว จัดให้มีเส้นทางเดินชมเมืองเก่าภูเก็ตเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับความสวยงามของบ้านเรือนเก่าแก่ของภูเก็ตและสถาปัตยกรรมชิโนโปรตุกีส ที่สวยงาม พร้อมๆกับได้ สัมผัสวัฒนธรรมและวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ของคนภูเก็ตและที่สำคัญอาหารอร่อยเลื่องชื่อการเดิน ชมเมืองเก่า เสน่ห์แห่ง นครภูเก็ตและเป็นเส้นทางประวัติศาสตร์ที่ควรค่าแก่การศึกษายิ่ง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น