วันเสาร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

ตามรอย ตำบลศรีสุนทร



ตำบลศรีสุนทร

คนดีศรีสุนทร รู้รักสามัคคี อยู่ดีมีสุข
ด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
โดย สภาองค์กรชุมชน ตำบลศรีสุนทร
ประวัติความเป็นมา

          ตำบลศรีสุนทรเกิดจากการรวมตำบลเข้าด้วยกัน 2 ตำบล คือ ตำบลท่าเรือ และตำบลลิพอน และได้ตั้งชื่อว่าตำบลศรีสุนทร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๖ เพื่อรำลึกและเชิดชูเกียรติแก่ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร สองวีรสตรีผู้กอบกู้ป้องกันบ้านเมืองจากการรุกรานของต่างชาติ ต่อมาประชาชนชาวภูเก็ต โดยการนำของนายอ้วน สุระกุล ผู้ว่าราชการ จังหวัดภูเก็ต ในสมัยนั้น ได้ร่วมใจกันสร้าง อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ท้าวศรีสุนทร เมื่อวันที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2509 โดยอนุสาวรีย์ ตั้งอยู่กลางวงเวียน บนถนนเทพกระษัตรี อำเภอถลาง (บ้านท่าเรือ) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาเปิดอนุสาวรีย์ เมื่อวันที่ ๒๓ พฤษภาคม ๒๕๑๐ ณ ตำบลศรีสุนทรในปัจจุบันเพื่อให้ลูกหลานชาวไทยได้รำลึกถึงวีรกรรมของวีรสตรีและบรรพบุรุษชาวถลางที่ปกบ้านป้องเมืองไว้ให้ลูกหลานสืบมา
          นอกจากเป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์ที่สำคัญของปวงชนชาวไทยแล้ว ตำบลศรีสุนทรยังเป็นพื้นที่ที่มีเรื่องราวพื้นบ้านที่น่าสนใจมากมายเช่น ประวัติบ้านท่าเรือ บ้านพอน บ้านม่าหนิก อีกทั้งยังมีวิถีชีวิตที่ยังคงอนุรักษ์ประเพณีศิลปวัฒนธรรมดั้งเดิม เช่น หัตถกรรม จักรสาน ทำไม้กวาด ขนมพื้นบ้าน งานผ้าบาติก น้ำมันมะพร้าว การปลูกพืชผักพื้นเมือง การเกษตรเชิงอินทรีย์ บนความหลากหลายทางวัฒนธรรมดังปรากฏสถานที่ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นศาลเจ้าท่าเรือ วัดศรีสุนทร วัดท่าเรือ ศาลหลักเมือง และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติถลาง บ้านพระยาวิชิตสงคราม ฯลฯ 
ท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงของโลกและเทคโนโลยีแต่ชาวศรีสุนทรยังคงยืนหยัดที่จะสร้างสรรค์สิ่งดีเพื่อลูกหลานด้วยการรวมกลุ่มจัดตั้งสภาวัฒนธรรม กองทุนสวัสดิการชุมชน และสภาองค์กรชุมชนขึ้น เพื่อช่วยกันดูแล ชีวิตความเป็นอยู่ วิถีชุมชน วัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม เหมือนที่บรรพบุรุษได้สร้างไว้



ประวัติหมู่บ้านชุมชน
ตำบลลิพอน (เดิม)  บ้านลิพอน บ้านพอน หรือ บ้านหลีกพ้นมีหนึ่งความเชื่อเดิมเล่าว่า ในสมัยที่พม่าได้ยกทัพมาตีเมืองถลาง ชาวบ้านได้หลบภัยมาอยู่ที่นี่ ทหารพม่าตามหาชาวบ้านไม่พบ ชาวบ้านจึงเรียกที่นี่ว่า บ้านหลีกพ้น
          ตำบลท่าเรือ (เดิม) บ้านท่าเรือ สถานที่แห่งนี้เป็นเมืองท่ามาตั้งแต่อดีต เคยเป็นท่าเรือใหญ่ที่ชาวต่างประเทศต้องแวะมาติดต่อกับเมืองถลาง บริเวณท่าเรือเคยเป็นที่อยู่ของ "พระยาพิมลขันธ์" ผู้เป็นสามีของท้าวเทพฯ เมื่อ พ.ศ.2327 สมัยก่อนที่นี่มีบ้านเรือนอยู่ราว 80 หลังคาเรือนเท่านั้น
ท่าเรือแห่งนี้ถือเป็นแหล่งการค้าที่สมบูรณ์ที่สุด แขกบ้านแขกเมืองที่จะเข้ามาติดต่อการค้ากับหัวเมืองต่างๆ ก็ต้องนำเรือมาขึ้นลงที่ท่านี้ แล้วจึงนั่งช้าง หรือขี่ม้าออกไปยังหัวเมืองนั้นๆ
ภายในบริเวณท่าเรือก็จะมีการค้ารายย่อย เช่น เสื้อผ้า แพรพรรณ เครื่องประดับต่างๆ และชาวเมืองถลางท่าเรือก็มักจะนำสินค้าพื้นเมือง เช่น ดีบุก หรือของป่า มาแลกเปลี่ยนกับสินค้าเหล่านั้น เมืองถลางท่าเรือเคยมีเจ้าเมืองที่มาจากพ่อค้าชื่อ”เจ๊ะมะ” หรือ “มะเจิม” เจ๊ะมะ  เป็นบุคคลในตระกูลเชื้อสายเจ้า ผันชีวิตตนเองมาเป็นพ่อค้าที่มีชื่อเสียงอยู่ที่เมืองถลางท่าเรือ มีสมาชิกที่ร่วมกันทำการค้าที่บ้านท่าเรือเป็นจำนวนมาก เจ้าพระยานครได้ยกถลางท่าเรือขึ้นเป็นเมือง และให้เจ๊ะมะ เป็นพระยาถลาง ปกครองเมืองถลางท่าเรือ ต่อมามีประชาชนเพิ่มมากขึ้น จึงได้มีการยกเมืองถลางขึ้นตรงต่อกรุงเทพฯ ส่วนพระถลางเจิม ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น“พระยาถลางเจิม” พระยาถลางเจิมมีบุตรชายชื่อแก้ว ได้ตำแหน่งเป็นพระภูเก็จอยู่ที่บ้านเก็ตโฮ่ พระภูเก็ตแก้ว มีบุตรชายชื่อทัด ได้เป็นพระยาวิชิตสงคราม เจ้าเมืองภูเก็ต


          ในปี พ.ศ. 2491 ได้เกิดเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกุลีจีนต่างก๊ก เรื่องผลประโยชน์ของการค้าแร่ ทำให้ผู้คนเดือนร้อน และล้มตายเป็นจำนวนมาก ท่านพระยาวิชิตสงครามจึงได้ออกจากเมืองภูเก็ต มาสร้างบ้านที่แข็งแรงดั่งป้อมปราการในที่ดินของปู่(พระยาถลางเจิม) ต่อมาพระยาวิชิตสงคราม แก่ชราลง ได้รับเลื่อนขึ้นเป็นพระยาจางวาง จึงได้ยกบ้านหลังนี้ให้กับพระยาภูเก็จลำดวน บุตรคนโตของท่าน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นผู้ว่าราชการเมืองภูเก็จ แต่พระยาภูเก็จลำดวนได้ติดค้างค่าภาษีอากร จึงมอบบ้านหลังนี้ให้เป็นของหลวง ปัจจุบันบ้านหลังนั้น ได้กลายเป็นโบราณสถานของจังหวัดภูเก็ต 

ของดีของคนตำบลศรีสุนทร
ม.1 บ้านลิพอนเขาล้าน สมัยก่อนภูเขาไม่มีต้นไม้ เลยเรียกกันมาว่าบ้านลิพอนเขาล้าน

ม.2 บ้านลิพอนบางกอก สมัยก่อนเรียกหมู่บ้านหลีกพ้น ต่อมาเปลี่ยนเป็นหมู่บ้านลิพอน ต่อมามีพม่าตีถลางผ่านมาหมู่บ้านทำให้พม่ามองไม่เห็นหมู่บ้านเพราะมีต้นไม้บังเป็นเกาะอยู่ พม่าไม่เห็นเลยเข้าไปทางป่าคลอก ทำให้มีชื่อเรียกกันว่าบ้านลิพอนบางกอก
·       
ม.3 หมู่บ้านท่าเรือ เดิมมีคลองที่ใหญ่และมีเรือ 3 หลัก สำหรับบรรทุกสินค้าสมัยโบราณสถานที่สำคัญได้แก่
·     อนุสาวรีย์  วีรสตรีท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร, บ้านพระยาวิชิตสงคราม,ศาลหลักเมือง
               บ้านพระยาวิชิตสงคราม  ตั้งอยู่ใกล้ ๆ กับศาลเจ้าท่าเรือ  มีคลองหัวท่าขั้นระหว่างบ้านพระยาวิชิตสงครามกับศาลเจ้าท่าเรือ และอยู่ห่างจากสี่แยกอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี-ท้าวศรีสุนทรเพียงเล็กน้อย บ้านพระยาวิชิตสงครามมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่กล่าวถึง อยู่ ๒ ฉบับ ทำให้ได้ความกระจ่างเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ได้เป็นอย่างดี  คือ  หนังสือจดหมายระยะทางไปตรวจราชการ แหลมมลายู ร.. ๑๒๑  ของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์       และหนังสือจดหมายเหตุประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้ ร.. ๑๒๘  ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  รัชกาลที่ ๖  เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ โดยทั้ง ๒ พระองค์ได้เสด็จสถานที่แห่งนี้  และได้ระบุลักษณะของบ้านหลังนี้ไว้ตรงกันคือ มีกำแพงมั่นคงแข็งแรง และมีป้อมหรือหอรบอยู่ทั้ง ๔ ด้าน โดยเฉพาะรัชกาลที่ ๖ ทรงเสด็จ ฯ สถานที่แห่งนี้เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ร.. ๒๘ (..๒๔๕๒

ม.4 หมู่บ้านบางโจ เดิมเป็นหมู่บ้านที่ทำไร่เลื่อนลอย อยู่ตามริมน้ำ เป็นหลุมเป็นบ่อ
·    
ม.5 บ้านลิพอนใต้ ตั้งอยู่ทิศใต้ของหมู่บ้านและเป็นหมู่บ้านที่ใหญ่  บ้านนาสาด มีนามาก ช่วงที่นาข้าวสุกจะดูเหมือนกับพื้นสาด(เสื่อ) เป็นที่ตั้ง อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีท้าวศรีสุนทร
·  
ม              ม.6 บ้านยา เป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกล ไปมาลำบาก ชาวบ้านจึงไม่ค่อยเดินทางไป
      เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าแม่นางถลาง

ม.7 บ้านม่าหนิก บางตำนานเล่าขานเชื่อกันว่าเป็นเพราะม้าบรรทุกสินค้าหนักมาก ทำให้ม้าตาย จึงเพี้ยนมาเป็นม่าหนิก
อีกความเชื่อคือ ชื่อว่า"บ้านมานิค"ซึ่งมาจากคำภาษาทมิฬโบราณ แปลว่า "ทับทิม หรือ แก้ว" มีการสันนิษฐานว่าเป็นชื่อผันแปรมาจากคำว่า "มนิกกิมัม"ในจารึกภาษาทมิฬที่พบจากอำเภอตะกั่วป่า ใกล้ๆกับเทวรูปในศาสนาพราหมณ์ ลัทธิไวษณพนิกายซึ่งถูกทิ้งอยู่ในเขาพระนารายณ์นานมาแล้ว คำว่า "มนิกกิมัม"แปลว่า"เมืองทับทิม" หรือ "เมืองแก้ว"
·       มีศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ด้าการปลูกผักปลอดสารพิษ , ด้านการเลี้ยงปลา
·       เขื่อนบางเหนียวดำ จุดชมวิวศาลาแปดเหลี่ยม น้ำตกโตนไอ้เฮ
ม.8 บ้านพอนหัวหาร – บ่อแร่ เป็นพื้นที่ที่ยื่นออกไปในน้ำ มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ ได้แก่ บ่อเงิน (น้ำคัน) บ่อทอง (บ่อแร่)
เป็นการรวมหมู่บ้าน 4 ชุมชน คือ  บ้านลิพอน หัวหาร , บ้านแขก, บ้านผุด บ้านบ่อแร่
บ้านหัวหาร มี2 ความเชื่อ คือ เดิมพื้นที่ดังกล่าวเป็นป่ารกมีสัตว์อาศัยอยู่มากโดยเฉพาะเสือ ทำให้ไม่มีใครกล้ามาตั้งถิ่นฐาน แต่มี 3 ต้นตระกูลมาอาศัยจึงเรียกว่า บ้านหัวหาร
อีกความเชื่อ คือ หนองน้ำในหมู่บ้านเดิมเรียกหนองหาร บริเวณหมู่บ้านจึงเรียกบ้านหัวหาร

บ้านแขก เป็นบริเวณชุมชนมุสลิม
บ้านบ่อแร่ จะมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์และมีรูปปั้นพ่อท่านบ่อแร่เป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้าน
บ้านผุด เดิมพื้นที่ดังกล่าวมีตาน้ำผุดอยู่ทั่วบริเวณ

                              สถานที่สำคํญคือศาลเจ้าสักการะพ่อท่านบ่อแร่


·       

ข้อมูลรายการพาเที่ยวชุมชน DC cable

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น