โดย สภาองค์กรชุมชนตำบลกมลา
“
รักษาวิถีชีวิตดั้งเดิม เศรษฐกิจดี ท่องเที่ยวมั่นคง
พัฒนาคุณภาพชีวิตสู่ความยั่งยืน ”
ประวัติความเป็นมาและข้อมูลตำบลกมลา
ตำบลกมลา
ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต
มีชายหาดที่สวยงานและมีความเป็นธรรมชาติ ตำบลกมลาเป็นตำบลเส้นทางเชื่อมต่อ
ไปยังหาดสุรินทร์ หาดป่าตอง สนามบินนานาชาติภูเก็ต
ตำบลกมลาเป็นตำบลที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน
โดยมีหลักฐานเชื่อมโยงว่ามีผู้อาศัยอยู่ก่อนยุคประวัติศาสตร์จากการขุดพบเครื่องมือจากหินและขวาน อายุมากกว่า 3,000 ปี นอกจากนี้ยังมีประวัติเรื่องราวทายาทของพระนางเลือดขาวหรือพระนางมัสสุรีอาศัยอยู่
สภาพภูมิประเทศตำบลกมลา เป็นภูเขาสลับกับที่ราบ และที่ราบลงสู่ทะเล
ริมฝั่งทะเลอันดามัน โดยมีเทือกเขากมลาล้อมรอบ 3 ด้าน มีแนวชายหาดกว้าง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ที่มีประชากรหนาแน่น เดิมทีชาวกมลามีอาชีพทำนาบนที่ลาดต่ำจากเนินเขาสู่ทะเลหลายร้อยไร่
ซึ่งนาเหล่านี้อุดมสมบูรณ์ด้วย ป่าจากและสัตว์น้ำทั้งน้ำเค็มและน้ำกร่อย
ชาวบ้านจึงมีอาชีพเสริมด้วยการทำประมงพื้นบ้านไว้เป็นอาหาร ถัดขึ้นไปเป็นภูเขาสูง
มีการทำสวนผลไม้ เช่น ขนุน จำปาดะ ทุเรียนบ้าน เป็นต้น วิถีชีวิตความเป็นอยู่
มีทั้งไทยพุทธและมุสลิมอยู่ด้วยกันอย่างพึ่งพา เอื้ออาทรต่อกัน โดยนับถือศาสนาอิสลามเกือบร้อยละ 90 ปัจจุบันตำบลกมลาเป็นแหล่งท่องเที่ยว ย่านธุรกิจการค้า โรงแรมและสถานบันเทิงต่าง ๆ ซึ่งในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่
จำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (พฤศจิกายน -
พฤษภาคม) และมีสถานท่องเที่ยวที่สำคัญภายในตำบล เช่น
หาดกมลา แหลมสิงห์ น้ำตกบางหวาน
และแหล่งบันเทิงทางวัฒนธรรมขนาดใหญ่ คือ ภูเก็ตแฟนตาซีและอนุสรณ์สถานสึนามิเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ความสูญเสียจากพิบัติภัยธรรมชาติ
สึนามิที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม2547 ตำบลกมลาแบ่งพื้นที่ออกเป็น 6 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 1 บ้านบางหวาน หมู่ที่ 2 บ้านเหนือ
หมู่ที่ 3 บ้านนอกเล หมู่ที่ 4
บ้านโคกยาง หมู่ที่
5 บ้านหัวควน และหมู่ที่ 6 บ้านนาคา มีการรวมกลุ่มของคนในชุมชนเพื่อรักษาความมั่นคงของชุมชนเดิมไว้หลายกลุ่ม
เช่น กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กลุ่มแปรรูปผลผลิต กลุ่มอาชีพ ผ้าปาเต๊ะ ผ้าบาติก
กลุ่มออมทรัพย์ กองทุนสวัสดิการชุมน
และมีสภาองค์กรชุมชนขึ้นเพื่อเชื่อมโยงกลุ่มต่าง ๆ ในพื้นที่เข้าด้วยกัน
ที่มาของชื่อตำบลกมลามีการสันนิฐานต่างกันตามร่องรอยประวัติศาสตร์และเรื่องราวตำนานเล่าขานสืบทอดกันมาเป็น
2 แบบคือ
1.
ข้อสันนิษฐานจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ตำบลกมลา เป็นตำบลในอำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต
ชื่อนี้เป็นชื่อเดียวกับ กราบาลา หรืออ่าวลึกนั้นเอง แต่ได้เพี้ยนจาก กราบาลา
ไปเป็นกรามาลา และกรามารา แล้วกลายเป็น "กำมะรา”อีกนัยหนึ่งมีข้อสันนิษฐานว่า
จากหลักฐานทางโบราณคดีเช่น ตำนาน พงศาวดาร ตลอดจนประวัติศาสตร์
ได้กล่าวถึงตำนานเมืองนครศรีธรรมราช อาณาจักรตามพรลิงค์ ได้ระบุว่า"เมืองตะกั่วถลาง"เป็นเมืองลำดับที่ 11 ตามเมืองนักษัตรของอาณาจักร ชื่อว่า"เมืองสุนัขนาม"หรือเมืองประจำปีจอ มีตราประจำเมืองเป็นรูปสุนัข
และผู้ปกครองภูเก็จสมัยนั้นได้ถือรูปสุนัขมายกย่องนับถือ
ซึ่งเมืองนี้อาจตั้งอยู่ที่อำเภอกระทู้ บ้านกมลาจึงอาจจะเพี้ยนมาจากชาวบ้านโบราณเรียกว่า "บ้านกราหม้า" (สำเนียงภูเก็ต)
มีความหมายว่าหมู่บ้าน"ตราหมา"ซึ่งตรงกับตราประจำเมือง"สุนัขนาม"ในอดีต จนกระทั่ง ทำเนียบท้องที่ของกระทรวงมหาดไทย พ.ศ.2486
หลังจากนั้นจึงมีผู้เกิดความคิดขึ้นว่า กำมะรา แปลไม้ได้ จึงได้เปลี่ยนให้เป็น
กมลา เป็นภาษาไทยผสมอินเดีย แปลว่า ดอกบัว
2. ตามตำนานเล่าขนสืบทอดต่อกันมาว่า มีชาวบ้านคนหนึ่ง ชื่อตายมดิง บ้านเดิมอยู่ที่ กะรน มีอาชีพทำสวนกล้วยที่ป่าตอง นอกจากนี้แกเป็นคนแก่เรียน มีตำรามากมายเก็บไว้ที่ตำบลกมลา มีอาวุธประจำกายคือ หอก ซึ่งใหญ่มาก ไม่สามารถแบกได้เหมือนหอกทั่วไป จำเป็นต้องลากอยู่เป็นประจำ คือลากจากป่าตอง เพื่อทำสวนกล้วย(มีใบตองมากจึงเรียกป่าตอง) ลากไปบ้านกมลาเพื่อศึกษาตำรับตำรา และลากกลับบ้านที่กะรน(บ้าน) เป็นอย่างนี้อยู่ตลอดชีวิต หมู่บ้านที่เก็บตำราของตายมดิง จึงกลายเป็นบ้านกมลา ปัจจุบันคำว่า ตำรา ภาษาพูดถิ่นใต้ จะพูดว่า ตำมหรา และอาศัยสำเนียงใต้นี้เอง
2. ตามตำนานเล่าขนสืบทอดต่อกันมาว่า มีชาวบ้านคนหนึ่ง ชื่อตายมดิง บ้านเดิมอยู่ที่ กะรน มีอาชีพทำสวนกล้วยที่ป่าตอง นอกจากนี้แกเป็นคนแก่เรียน มีตำรามากมายเก็บไว้ที่ตำบลกมลา มีอาวุธประจำกายคือ หอก ซึ่งใหญ่มาก ไม่สามารถแบกได้เหมือนหอกทั่วไป จำเป็นต้องลากอยู่เป็นประจำ คือลากจากป่าตอง เพื่อทำสวนกล้วย(มีใบตองมากจึงเรียกป่าตอง) ลากไปบ้านกมลาเพื่อศึกษาตำรับตำรา และลากกลับบ้านที่กะรน(บ้าน) เป็นอย่างนี้อยู่ตลอดชีวิต หมู่บ้านที่เก็บตำราของตายมดิง จึงกลายเป็นบ้านกมลา ปัจจุบันคำว่า ตำรา ภาษาพูดถิ่นใต้ จะพูดว่า ตำมหรา และอาศัยสำเนียงใต้นี้เอง
ความสำคัญของการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสภาองค์กรชุมชนตำบลกมลา
ในปี
2535
การท่องเที่ยวมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากป่าตองมาถึงกมลาทำให้ที่ดินมีราคาสูงขึ้น
มีนักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนโดยการกว้านซื้อที่ดินจากคนในพื้นที่
ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำให้ชาวบ้านต่างขายที่ดินออกไป
จนเหลือเพียงที่ดินที่สร้างบ้านพอได้อาศัยอยู่เท่านั้น
มีโรงแรมและสถานที่ท่องเที่ยวเกิดขึ้นมากมาย ผลประโยชน์ที่เกิดจากการท่องเที่ยวกับตกอยู่กับนายทุนแต่ชาวบ้านในพื้นที่ต้องไปเป็นลูกจ้างในโรงแรม
ลูกจ้างในกิจการการท่องเที่ยว และในแต่ละวันมีปริมาณขยะจำนวนมาก
ซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ได้แต่ไม่ถูกจัดการให้เกิดประโยชน์ ในปี2558
ที่ผ่านมาสภาองค์กรชุมชนตำบลกมลา ได้สนับสนุนให้ชาวบ้านมีการคัดแยกขยะจากครัวเรือน
เอาขยะเปียกมาทำปุ๋ย น้ำหมักชีวภาพ
ส่วนขยะแห้งมีการเอาไปขายเพื่อนำรายได้สมทบเข้ากองทุนสวัสดิการชุมชนตำบล
ไปจัดสวัสดิการให้กับสมาชิก (สุวัฒน์, 2559)
ปี 2559 คณะทำงานสภาองค์กรฯได้ร่วมกันทำเวทีแผนยุทธศาสตร์ตำบลกมลา
โดยมีเครือข่ายภาคีเข้าร่วมคิดร่วมในยุทธศาสตร์การพัฒนาแกนนำและกลไกการจัดการของภาคประชาชน
การจัดการเศรษฐกิจและทุนชุมชนและการจัดการสิ่งแวดล้อม (ขยะ) ท่องเที่ยวชุมชน
แนวคิดที่ว่าทำยังไงนักท่องเที่ยวจะลงสู่ชุมชนไม่ปล่อยให้ทุนต่างชาติเอาผลประโยชน์ไป
คณะทำงานสภาองค์กรชุมชนตำบลกมลาได้เห็นความสำคัญในการขับเคลื่อนประเด็นขับเคลื่อนงานดังกล่าว
จึงได้ร่วมกันทำแผนงานโครงการเสริมสร้างความเข้มแข็งของสภาองค์กรชุมชนสู่เศรษฐกิจทุนชุมชนฐานรากของตำบลกมลาในปี
2559 ภายใต้การสนับสนุนงบประมานจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน
(องค์กรมหาชน)